ประวัติความเป็นมา
สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท) เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “ASSOCIATION OF PRIVATE HIGHER EDUCATION INSTITUTIONS OF THAILANDW” (APHEIT) ได้กำเนิดขึ้นด้วยความสามัคคี กลมเกลียวของผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 10 แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันในอันที่จะสร้างความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง โดยสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับใช้สังคมและประเทศชาติ ก่อนที่จะก่อตั้งเป็นสมาคม อันเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายนั้น ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชนได้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ ที่จะกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนั้น จำเป็นต้องมีพลังแห่งความสามัคคีเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้นในขั้นแรกผู้บริหารสถาบันทั้ง 10 สถาบัน คือ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ (มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) วิทยาลัยเทคนิคสยาม (มหาวิทยาลัยสยาม) มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ มหาวิทยาลัยพายัพ มหาวิทยาลัยเกริก มหาวิทยาลัยพัฒนา (เลิกดำเนินกิจการแล้ว) จึงได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติวิทยาลัยเอกชน พ.ศ.2512 อธิการบดีของแต่ละสถาบัน ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่เป็นประธานของกลุ่มสลับกันไป ตราบจนกระทั่งวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2519 จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เรียกกลุ่มนี้ว่า “ชมรมผู้บริหารวิทยาลัยเอกชน แห่งประเทศไทย” มีข้อบังคับชมรมซึ่งยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลแต่มีประธานชมรมซึ่งเป็นหัวหน้า มีการประชุมปรึกษาหารือกันในเรื่องต่างๆ ของวิทยาลัยเอกชน อย่างน้อยเดือนละครั้งต่อเนื่องกันและเมื่อชมรม เป็นปึกแผ่นมั่นคงดีแล้ว ชมรมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้จดทะเบียนเป็น “สมาคมวิทยาลัยเอกชน เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2522 และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติดังกล่าว สมาคมจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย” ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2522 เป็นต้นมา ตราบจนทุกวันนี้ ซึ่งปีพ.ศ. 2568 มีสถาบันการศึกษาที่เป็นสมาชิกของสมาคม จำนวน 63 สถาบัน อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2542 นายกสมาคมและกรรมการบริหารสมาคมในขณะนั้น ได้มีดำริและผลักดันหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตให้ได้การรับรองจากเนติบัณฑิตสภาไทยว่าเป็นหลักสูตรที่เทียบเท่าหลักสูตรของมหาวิทยาลัยของรัฐและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด ส่งผลให้ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเอกชนมีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยของรัฐ ในการสวมชุดครุยเนติบัณฑิตยสภาไทยเป็นครั้งแรก รวมทั้งสามารถสมัครเข้าเป็นนักศึกษาของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและสมัครเป็นสมาชิกวิสามัญแห่งเนติบัณฑิตสภาได้ โดยผู้สำเร็จการศึกษานั้นไม่ต้องผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความจากสภาทนายความ นอกจากนี้ในปีพ.ศ.2545 รัฐบาลเริ่มส่งเสริมสหกิจศึกษาอย่างเป็นทางการโดยประกาศนโยบายสนับสนุนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาสหกิจศึกษา อย่างไรก็ตามการดำเนินงานสหกิจศึกษาพัฒนาจากรูปแบบทวิภาคีสู่ลักษณะพหุภาคี คือมีหน่วยงานร่วมกันรับผิดชอบทั้งสถานศึกษา สถานประกอบการ หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานเอกชน ทำให้ในปีพ.ศ.2547 เป็นต้นมา ผู้บริจาคเงินให้แก่มหาวิทยาลัยเอกชน สามารถนำเงินบริจาคไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เป็น 2 เท่า แต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน ทั้งนี้ โดยอาศัยอำนาจพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 420) พ.ศ.2547
ในปีพ.ศ. 2558 ทางสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ทำหนังสือลงวันที่ 14 มิถุนายน 2558 โดย ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยามในนามนายกสมาคมในขณะนั้น ได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานพระราชานุญาติเข้าอยู่ในพระราชูปถัมภ์และเป็นพระมหากรุณาทรงรับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยอยู่ในพระราชูปถัมภ์ โดยมีหนังสือตอบทรงรับสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยไว้ในพระราชูปถัมภ์ ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา
![]() |
![]() |
เครื่องหมายประจำสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย

เครื่องหมายของสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย มีลักษณะเป็นรูปวงกลมสองวงคู่ขนานกัน ซึ่งเป็นกรอบนอกนั้นทางเบื้องบนมีชื่อสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ทางเบื้องล่างมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า ASSOCIATION OF PRIVATE HIGHER EDUCATION INSTITUTIONS OF THAILAND มีเครื่องหมายประจำยามคั่นกลางดวงตราเป็นอักษรย่อ สสอท.ล้อมรอบด้วยรูปดอกบัว 10 ดอก ซึ่งหมายถึงสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 10 สถาบัน ที่ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมขึ้นเป็นครั้งแรก ภาพทั้งหมดนี้มีความหมายว่าสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นผู้ดำเนินการศึกษาทั้งในด้านพุทธิศึกษา คือความรู้ในวิชาการต่างๆ และธรรมจริยาของประชาชนให้แผ่ไพศาลไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับอยู่ในพระราชูปถัมภ์ ทางสมาคมจึงได้ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายโดยเพิ่มถ้อยคำภาษาไทยในบรรทัดที่ 2 ของวงกลมด้านบน คือ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และภาษาอังกฤษเพิ่มบรรทัดที่ 2 ด้านล่าง คือ UNDER THE PATRONAGE OF HER ROYAL HIGHNESS PRINCESS MAHA CHAKRI SIRINDHORN ชื่อทั้ง 2 มีเครื่องหมายประจำยามคั่นกลางดวงตราเป็นตัวอักษรย่อ สสอท ล้อมรอบด้วยรูปดอกบัว 10 ดอก ซึ่งหมายถึงสถาบันอุดมศึกษาเอกชน 10 สถาบันที่ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมขึ้นเป็นครั้งแรก ภาพทั้งหมดนี้มีความหมายว่า สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเป็นผู้ดำเนินการศึกษาทั้งในด้านพุทธิศึกษา คือความรู้ในวิชาการต่าง ๆ และธรรมจริยาของประชาชนให้แผ่ไพศาลไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
เพลงประจำสมาคม
ด้วยคณะกรรมการบริหารของสมาคมฯ ปีวาระ 2567 – 2569 ซึ่งนายกสมาคมขณะนั้นคือ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ได้มีมติให้จัดทำเพลงประจำสมาคมขึ้น เพื่อใช้ในพิธีเปิดงานวันครบรอบการสถาปนาสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เนื่องจากสมาคมได้ดำเนินการมาอย่างยาวนานเป็นเวลา 47 ปีแล้ว แต่ยังไม่มีเพลงประจำสมาคม โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก ผศ.ดร.วิทวัส ดิษยะศริน สัตยารักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รับไปดำเนินการให้จนแล้วเสร็จ และได้นำมาเผยแพร่ในพิธีเปิดงานวันสถาปนาของสมาคมในปีนั้น ซึ่งคำร้องแต่งโดยอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2536 ส่วนทำนองและการเรียบเรียงโดยอาจารย์ชัชวาล ลุขะรัง จึงทำให้สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยมีเพลงประจำสมาคม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



